กรรมก็เหมือนกับแรงโน้มถ่วง เป็นหลักการหรือกฎที่ส่งผลต่อทั้งคุณและผม กรรมสามารถหมายถึงหลายสิ่งหลายอย่าง แต่หลักคิดคือเรามีกรรม บุญกุศลกรรมดี บาปกรรมฝังรากอยู่ในตัวเรา ถ้าการกระทำของเราไม่มีคุณธรรมสมบูรณ์ เราก็อยู่ในสังสารวัฏแห่งการเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
เรารู้สึกแบบนี้โดยสัญชาตญาณไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง เมื่อเราทำสิ่งที่เรารู้ว่าผิด เราจะรู้สึกผิด ดังนั้นด้วยความรู้ สติปัญญา และความพยายามของเรา เราจึงพัฒนาวิธีจัดการกับกรรมที่สั่งสมมามากมาย บางคนอาจมีชีวิตอยู่ชั่วขณะหนึ่งในฐานะพระสงฆ์ในการบำเพ็ญตบะอย่างเคร่งครัด บางคนพบว่าเป็นเรื่องยากและหวังว่าการปฏิบัติตามศีล 5ให้ดีที่สุดน่าจะเพียงพอแล้ว บางคืนวิงวอน ขอความช่วยเหลือจากพระโพธิสัตว์ นอกจากนี้ การทำสมาธิภาวนา การไหว้พระ การไหว้พระตามวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ การทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้พระสงฆ์หรือผู้อื่น สิ่งนี้จะลดกรรมผลาผลหรือผลของการกระทำของเรา
วิธีเหล่านี้ล้วนยากและเราไม่เคยรับประกันว่าความพยายามของเราจะเพียงพอแล้ว แรงจูงใจเบื้องหลังการกระทำของเราดีพอหรือไม่? จำนวนการกระทำที่ดีเพียงพอหรือไม่? เราอยู่ในแรงโน้มถ่วงของโลก เช่นเดียวกับเราอยู่ในกรรม ที่ไม่สามารถหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้
ด้วยเหตุนี้บางคนจึงล้มเลิกความพยายาม พวกเขาใช้ชีวิตเพียงเพื่อความสุขชั่วขณะโดยไม่คำนึงถึงกรรมที่เกิดจากการกระทำของพวกเขา
กฎแห่งกรรมแสดงไว้ในพระคัมภีร์
พระเยซูมาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในนามของเรา พระองค์มาช่วยเราหาทางหนีจากกิเลส พระองค์ทรงปลดเปลื้องสังสารวัฏแห่งการเวียนว่ายตายเกิดและความไม่เที่ยงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไว้
แต่อย่างไรล่ะ?
พระคัมภีร์ประกาศกฎแห่งกรรมที่ส่งผลต่อเราด้วยถ้อยคำเหล่านี้:
23 ด้วยว่าค่าตอบแทนของบาปคือความตาย แต่สิ่งที่พระเจ้ามอบให้คือชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
โรม 6:23
แผนภาพด้านล่างแสดงกฎแห่งกรรมนี้ กรรม หมายถึง ‘การกระทำ’ หรือผลที่ตามมาจากการกระทำ ซึ่งเหมือนกับคำว่า ‘ค่าจ้าง’ ที่ใช้ ณ ที่นี้ ในชีวิตประจำวัน ‘ค่าจ้าง’ คือการกระทำทางการเงินหรือผลสืบเนื่องจากการจ้างงาน แต่ฝ่ายของจิตวิญญาณ เมื่อเราทำงานเพื่อบาป การกระทำหรือกรรมคือความตาย
“ความตาย” หมายถึงการพลัดพราก เมื่อวิญญาณของเราแยกออกจากร่างกาย กายหยาบของเราก็จะตายไป เหมือนกัยที่จิตวิญญาณของเราที่ถูกแยกหรือตายจากพระผู้เป็นเจ้า สิ่งนี้เป็นความจริงเพราะพระเจ้าทรงบริสุทธิ์ (ไม่มีบาปใดๆ)
เราสามารถนึกภาพตนเองว่าถูกแยกจากพระเจ้าเพราะบาปของเรา บาปก่อให้เกิดกรรมประเภทที่นำไปสู่ความตาย พระเจ้าผู้บริสุทธิ์และปราศจากบาปจะไม่ทนต่อบาปใด ดั้งนั้นเราผู้มีบาปจึงต้องแยกจากพระองค์ และมีจิตวิญญาณที่ตายไปแล้ว
บุญของเราไม่เพียงพอสำหรับกรรมของเรา
การแยกทางนี้ทำให้เกิดความรู้สึกผิดและความกลัว ดังนั้นสิ่งที่เราพยายามทำคือสร้างบุญเพื่อพาเราจากฝ่ายของเรา (ความตาย) ไปสู่ฝ่ายพระเจ้า เราแสดงภาพให้เห็นสิ่งนี้ว่าเป็นสะพานที่ทอดข้ามช่องว่างบางส่วน เราถวายเครื่องบูชา ทำพิธีชำระล้าง บำเพ็ญตบะ เข้าร่วมเทศกาล ไปวัด สวดมนต์มากมาย และแม้กระทั่งพยายามลดหรือหยุดบาปของเรา กระทำการเหล่านี้เพื่อรับบุญอาจใช้เวลายาวนานมากสำหรับพวกเราบางคน ปัญหาคือความพยายาม ความดีความชอบ การเสียสละ และการบำเพ็ญตบะของเรา แม้จะไม่ได้อยู่ในขั้นแย่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ นี่เป็นเพราะกรรมหรือผลกรรม (‘ค่าจ้าง’) สำหรับบาปของเราคือ ‘ความตาย’ ความตายเท่านั้นที่จะชำระบาปได้ ไม่ใช่ความดีความชอบของเรา
ดังนั้นความพยายามในการทำบุญของเราจึงไม่เพียงพอ มันเหมือนกับการพยายามรักษามะเร็ง (ซึ่งผลกระทบสามารถทให้เสียชีวิตได้) ด้วยการกินแต่อาหารมังสวิรัติและกินวิตามิน การกินวิตามินและการกินมังสวิรัตินั้นไม่ใช่วิธีที่แย่ แต่ก็ไม่สามารถรักษามะเร็งได้ หากเพื่อรักษามัน คุณจะต้องได้รับวิธีการรักษาที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
นี่คือกฎแห่งกรรมในพระคัมภีร์และเป็นข่าวร้าย เรามักไม่อยากได้ยินเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเราจึงมักเติมชีวิตของเราด้วยกิจกรรมและสิ่งต่าง ๆ โดยหวังว่ากฎนี้จะหมดไป แต่เช่นเดียวกับแรงโน้มถ่วง กฎนี้ยังคงกักขังเราเอาไว้
ข่าวดีจะมอบวิมุตติ
อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์ไม่ได้จบลงด้วยกฎแห่งกรรมนี้
23 ด้วยว่าค่าตอบแทนของบาปคือความตาย แต่สิ่งที่พระเจ้ามอบให้คือชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
โรม 6:23
คำว่า ‘แต่’ แสดงว่าทิศทางของธรรมบัญญัติกำลังจะเปลี่ยนไปสู่ข่าวดี ข่าวประเสริฐคือความหมายที่แท้จริงของพระกิตติคุณ กฎแห่งกรรมกลับไปสู่วิมุตติ (อิสรภาพ) และการตรัสรู้ แล้วข่าวดีแห่งวิมุตตินี้คืออะไร?.
23 ด้วยว่าค่าตอบแทนของบาปคือความตาย แต่สิ่งที่พระเจ้ามอบให้คือชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นเจ้าของเรา
โรม 6:23
ข่าวดีของพระกิตติคุณคือการพลีพระชนม์ชีพของพระเยซูเพียงพอที่จะทำลายวงจรแห่งความบาปและความตายนี้ เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเรากับพระเจ้า การเสียสละของพระองค์เพื่อละลายกรรมของเรา เรารู้เรื่องนี้เพราะสามวันหลังจากการสิ้นพระชนม์ พระองค์เอาชนะความตาย ในแง่หนึ่ง พระองค์ได้ทำการชำระซึ่งเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า โดยถวายตัวเพื่อชำระบาปในนามของคนทั้งปวง
เนื่องจากพระองค์เป็นมนุษย์ จึงสามารถเป็นสะพานที่ทอดข้ามช่องว่างและสัมผัสกับมนุษย์ได้ เนื่องจากพระองค์ไม่มีบาป พระองค์จึงสามารถเข้าถึงฝ่ายพระเจ้าด้วย พระองค์ทรงเป็นสะพานเชื่อมชีวิตดังภาพด้านล่าง
ให้เป็นของขวัญ ไม่ใช่สะสมเป็นบุญ
สังเกตว่าพระเจ้าให้การเสียสละของพระเยซูแก่เราอย่างไร พระเจ้าให้เป็น … ‘ ของขวัญ ‘ ลองนึกเกี่ยวกับของขวัญดู ไม่ว่าของขวัญนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้ามันคือของขวัญจริงๆคุณจะไม่ทำงานเพื่อได้มันมา คุณไม่ได้รับมันมาด้วยบุญ หากคุณได้รับมัน ของขวัญจะไม่ใช่ของขวัญอีกต่อไป แต่เป็นค่าจ้าง! ในทำนองเดียวกัน คุณไม่สามารถทำบุญหรือได้รับการเสียสละของพระเยซู พระเจ้ามอบมันให้คุณเป็นของขวัญ
แล้วของขวัญคืออะไรล่ะ? มันคือ ‘ ชีวิตนิรันดร์ ‘ ซึ่งหมายความว่าบาปที่นำคุณมาสู่กรรม สังสารวัฏ และความตายได้ถูกยกเลิกแล้ว การเสียสละของพระเยซูเป็นสะพานที่คุณสามารถข้ามเพื่อเชื่อมต่อกับพระเจ้าและรับชีวิตที่คงอยู่ตลอดไป
ของขวัญที่ได้รับ
แล้วเราจะข้ามสะพานแห่งชีวิตที่พระเยซูมอบให้เราเป็นของขวัญได้อย่างไร? ลองนึกถึงของขวัญดูอีกครั้ง หากมีใครให้ของขวัญแก่คุณ นั่นคือสิ่งที่คุณไม่ได้ทำงานเพื่อได้มันมา แต่เพื่อรับผลประโยชน์ใดๆ จากของขวัญ คุณต้อง ‘รับ’ สิ่งนั้นมา ทุกครั้งที่มีการเสนอของขวัญให้กับผู้รับ จะมีทางเลือกเพียงสองทางเท่านั้น ผู้รับปฏิเสธของขวัญ (“ไม่ล่ะ ขอบคุณ”) หรือรับ (“ขอบคุณสำหรับของขวัญของคุณ ฉันจะรับมัน”) ในทำนองเดียวกัน คุณต้องได้รับของประทานนี้ที่พระเยซูมอบให้เพื่อรับประโยชน์จากของขวัญนั้น คุณไม่สามารถเพียงแค่เชื่อ ศึกษา ใคร่ครวญ หรือเข้าใจมัน รูปถัดไปแสดงให้เห็นเมื่อเรา ‘เดิน’ บนสะพานโดยหันไปหาพระเจ้าและรับของขวัญที่พระองค์มอบให้เรา
แล้วเราจะรับของขวัญชิ้นนี้ได้อย่างไร? พระคัมภีร์กล่าวว่า
12 ไม่มีความแตกต่างระหว่างชาวยิวและชาวกรีก เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน เป็นพระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง และให้พรอย่างล้นเหลือแก่ทุกคนที่ร้องเรียกพระนามของพระองค์
โรม 10:12
รับของขวัญจากพระองค์
ขอให้สังเกตว่าคำสัญญานี้มีไว้สำหรับ ‘ทุกคน’ เนื่องจากพระองค์ได้ลุกขึ้นมาจากความตาย พระเยซูทรงพระชนม์อยู่แม้เวลานี้ และพระองค์คือ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ ดังนั้นถ้าคุณเรียกหาพระองค์ พระองค์ก็จะได้ยินและมอบของขวัญแห่งชีวิตให้กับคุณ คุณต้องเรียกหาและถามพระองค์ – โดยการสนทนากับพระองค์ บางทีคุณอาจไม่เคยทำเช่นนี้ นี่คือคำแนะนำที่สามารถช่วยให้คุณสนทนาและอธิษฐานกับพระองค์ได้ มันไม่ใช่คาถาอาคม คำเฉพาะไม่ให้อำนาจ เป็นความไว้วางใจที่เรามีในความสามารถและความเต็มใจที่จะให้ของขวัญนี้แก่เรา เมื่อเราวางใจพระองค์ พระองค์จะทรงฟังเราและตอบสนอง
ดังนั้นอย่าลังเลที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำนี้เมื่อคุณพูดออกมาดัง ๆ หรือด้วยจิตวิญญาณของคุณกับพระเยซูและรับของขวัญจากพระองค์
พระเยซูที่รัก ลูกเข้าใจว่าด้วยความบาปในชีวิตของลูก ลูกถูกแยกออกจากพระเจ้า แม้ว่าลูกจะสามารถพยายามอย่างหนักได้ แต่ไม่มีความพยายามและความเสียสละในส่วนของลูกที่จะเชื่อมการแยกนี้ แต่ลูกเข้าใจว่าการตายของพระองค์เป็นเครื่องบูชาเพื่อล้างบาปทั้งหมด – แม้แต่บาปของลูกเอง ลูกเชื่อว่าพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตายหลังจากการเสียสละของพระองค์เอง เพื่อที่ลูกจะได้รู้ว่าการเสียสละของพระองค์เพียงพอแล้ว ลูกขอให้พระองค์ชำระลูกจากบาปและเชื่อมโยงลูกกับพระเจ้าเพื่อที่ลูกจะได้มีชีวิตนิรันดร์ ลูกไม่ต้องการใช้ชีวิตที่ตกเป็นทาสของบาป ดังนั้นโปรดปลดปล่อยลูกจากบาปที่กักขังลูกไว้ในกรรม ขอบพระคุณพระเยซู ที่ทำทั้งหมดนี้เพื่อลูก และแม้ตอนนี้พระองค์จะยังนำทางลูกในชีวิตต่อไป เพื่อที่ลูกจะได้ติดตามพระองค์ในฐานะพระเจ้าของลูก